all about public relations

CONTENT

​AR และแว่นตาอัจฉริยะ คู่เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

วันที่: 22 สิงหาคม 2559
 
 
บทความประชาสัมพันธ์ - บนเส้นทางที่ประเทศไทยถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและมุ่งหน้าเข้าสู่ยุคที่รัฐบาลเรียกว่า “Thailand 4.0” ทุกกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมจะนำวิทยาการ เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และการวิจัยพัฒนามาใช้เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจอย่างจริงจังมากขึ้น พร้อมทั้งการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน  กระบวนการผลิตสินค้าและการให้ บริการ ไปจนถึงวิธีการสื่อสารกับลูกค้าและสังคม

เทคโนโลยีหนึ่งที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันมากในปัจจุบัน  ซึ่งเราจะสามารถผนวกโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ Augmented Reality (AR) หรือเทคโนโลยีเสมือนจริงที่แสดงภาพดิจิทัลซ้อนทับบนสภาพแวดล้อมของจริงได้  เทคโนโลยีนี้ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งต่างๆ รอบตัว  ประสบการณ์ AR ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทุกคนพูดถึงในขณะนี้  คงไม่พ้น เกม Pokemon Go ที่กำลังเป็นที่คลั่งไคล้ไปทั่วโลก  เกมนี้น่าจะช่วยพิสูจน์ว่าเทคโนโลยี AR ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  อีกทั้งยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนเรียกได้ว่าอนาคตของ AR นั้นดูสดใสมาก  ผลการศึกษาของ Juniper Research ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวิจัยตลาดโมบายและออนไลน์ระบุว่า  ตลาดโดยรวมของเทคโนโลยี AR และอุปกรณ์แบบสวมใส่ (Wearable Technology) นั้น จะมีมูลค่าสูงถึงราว 5-6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 5 ปีนับจากนี้
 
เทคโนโลยี AR นั้นเข้ามามีบทบาทอย่างไรกับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี AR และแว่นตาอัจฉริยะ  ถูกนำมาใช้ในมหาวิทยาลัยเพื่อฝึกอบรมวิศวกรและแพทย์  ซึ่งในแวดวงการแพทย์ มหาวิทยาลัยและโรงเรียนแพทย์ กำลังใช้เทคโนโลยี AR เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนวิชากายวิภาคศาสตร์ให้กับนักศึกษา เพื่อให้มองเห็นถึงรายละเอียด  ตำแหน่ง และโครงสร้างของอวัยวะมนุษย์  หรือแม้กระทั่งในพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์เอง ก็นำเทคโนโลยี AR มาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับผู้เข้าชมงานศิลป์อีกด้วย
 
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การผสานเทคโนโลยี AR เข้ากับแว่นตาอัจฉริยะเป็นการเปิดมิติใหม่ด้านการนำเสนอคอนเท้นท์  พร้อมทั้งยกระดับการสื่อสารด้วยภาพไปอีกขั้น โดยมีลักษณะการทำงานแบบ hands-free หรือไม่ต้องใช้มือช่วยจับอุปกรณ์  สำหรับเอปสันมีแว่นตาอัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นเอง  ภายใต้ชื่อ Moverio ซึ่งปัจจุบันได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายภาคธุรกิจ”
 
ที่เมืองเบรสชา ประเทศอิตาลี มีการใช้แว่นตา Moverio ตามสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเห็นภาพเสมือนจริง 3 มิติของสถาปัตยกรรมของชาวโรมันในยุคโบราณ  และนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสสิ่งปลูกสร้างจากโลกเสมือนนั้นในรูปแบบอินเตอร์แอ็คทีฟกับคอนเท้นท์ต่างๆ ได้  จนรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปอยู่ในยุคสองพันกว่าปีที่แล้วจริงๆ  
 
ส่วนในภาคการศึกษาแว่นตา Moverio ถือเป็นเครื่องมือในอุดมคติสำหรับการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ของยุคศตวรรษที่ 21 ช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ได้มากขึ้น เช่นโรงเรียนอนุบาลที่เมืองนากาโน่ ประเทศญี่ปุ่น ใช้แว่นตา Moverio BT-200 ของเอปสัน ให้เด็กนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับท้องฟ้าและหมู่ดาว
สำหรับแว่นตา Moverio ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรม เช่นกรณี Mekorot บริษัทผลิตน้ำดื่มที่ประเทศอิสราเอล ได้ใช้ระบบ AR และแว่นตา Moverio สนับสนุนการปฏิบัติงานของวิศวกรฝ่ายบำรุงรักษาที่ต้องทำงานในพื้นที่อันตรายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง  โดยวิศวกรสามารถดูภาพแม่แบบของอุปกรณ์ รวมถึงขั้นตอนการบำรุงรักษาผ่านแว่นตา Moverio ได้
 
ส่วนภาคสาธารณสุข มีการใช้งานแว่นตา Moverio มานานแล้ว ในฐานะเครื่องมือประกอบการผ่าตัด เช่นกรณี CN2 ผู้พัฒนาเทคโนโลยี AR ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่น Visualizing the Future ใช้คู่กับแว่นตา Moverio เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยกรณีต่อสายระบายของเหลวจากช่องเยื่อหุ้มปอด   นอกจากนี้แว่นตา Moverio ยังใช้คู่กับเครื่องบินโดรนในการควบคุมการบินระยะไกล ซึ่งจะสามารถแสดงมุมมองเสมือนกับอยู่บนที่นั่งคนขับ  พร้อมทั้งยังให้คำแนะนำและข้อมูลเส้นทางการบิน รวมถึงยังมีจีพีเอส เข็มทิศ และกล้องตรวจจับสัญญาณต่างๆ เพื่อช่วยยกระดับการควบคุมการบินของเครื่องบินโดรนให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยยิ่งขึ้น
 
นายยรรยง กล่าวต่อว่า “ปัจจุบันเราสื่อสารกับสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ผ่านทางระบบจอสัมผัส   ในอีกไม่ช้าเทคโนโลยี AR จะสามารถใช้คู่กับแว่นตาอัจฉริยะ  ซึ่งจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารใหม่ ทำให้เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับข้อมูลและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราได้มากขึ้นโดยไม่ต้องใช้มือช่วยจับอุปกรณ์เหมือนเดิม   นอกจากนี้ เทคโนโลยี AR ยังมีแนวโน้มที่จะผสมผสานกับเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่จะเชื่อมอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน หรือ Internet of Things  ในขณะที่แว่นตาอัจฉริยะจะมีขนาดเล็กลง  ภาพที่ได้มีคุณภาพมากขึ้น และแบตเตอรีใช้งานได้นานขึ้น  ซึ่งทำให้เทคโนโลยีทั้งสองมีการแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต   และจะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทยตามแนวทาง Thailand 4.0  ยิ่งไปกว่านั้น  เทคโนโลยีทั้งสองจะไม่จำกัดอยู่แต่เพียงการใช้งานของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี หรือการใช้ในอุตสาหกกรมหรือธุรกิจเท่านั้น  แต่จะกระจายไปทั่วทุกกลุ่มผู้บริโภค และกลายเป็นเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของทุกครัวเรือนในที่สุด”
 
 
ABOUT US
We are a local public relations agency that specializes in applying strategic and creative communications activity to promote and strengthen the positive stories of our clients.  
 
We partner with both established and emerging brands, corporations and startups, government organizations and civil-society groups, and others to help them define and achieve their strategic PR goals.
 
It's all about PR and it's all about results.

Please do get in touch.